..."อาจารย์ครับ...3C สูตรนำไปสู่ความสำเร็จที่จำได้ง่าย และทำได้ง่ายๆ นี่ มันจริงหรือเปล่าครับ...ผมคิดว่า ตอนพูดนี่มันง่ายครับ แต่ตอนทำนี่ล่ะ มันคงจะยากแน่นอนเลยครับ..." ลูกศิษย์มีสีหน้ายุ่งยากใจ 😒
..."คุณลงมือทำหรือยังล่ะ..." 😊
..."ยังครับอาจารย์...แค่คิดผมก็ว่ามันคงจะยากสุดๆ ล่ะครับ..."
..."นั่นล่ะ มันก็ยากเพราะความคิดนี่ล่ะ ถ้ายังไม่ได้ทำ เราจะบอกว่ามันยาก มันจะเป็นการตัดกำลังใจตัวเองนะ..."
..."มันก็อดคิดไม่ได้นี่ครับ อาจารย์...ปกติคนเราก็ต้องคิดก่อนทำอยู่แล้วครับ ถ้าไม่คิดก่อน เราก็ไม่รู้นี่ครับว่าจะต้องทำอะไร..."
..."คุณต้องแยกเรื่องการคิดก่อนทำ กับความยุ่งยากใจก่อนลงมือทำครับ...เราคิดเพื่อสร้างทางเลือก หาทางที่เหมาะสมที่สุด ถ้าคิดได้ คิดออกว่าจะทำอะไรบ้าง นี่เป็นการดีครับ...จากนั้นก็ลงมือทำ ทำในสิ่งที่คิดว่าจะทำครับ...ความทุกข์ใจของการคิดแล้วไม่ทำ เกิดขึ้นมาจากเราไม่เชื่อสิ่งที่เราคิดมา ก็เลยทำให้เรายุ่งยากใจครับ...แต่ถ้าเราเชื่อในสิ่งที่เราคิดมาว่าเป็นไปได้ เกิดประโยชน์จริง ก็ไม่ต้องคิดมากให้วุ่นวายอะไรจนเกินไป..."
..."อาจารย์ครับ แสดงว่าเราต้องกล้าที่จะทำความคิดของเราให้เป็นจริง ใช่มั๊ยครับ?"...
..."ใช่แล้วครับ...ความกล้า จะพาให้เราได้เริ่มในสิ่งที่เราคิดไว้แล้ว ทำด้วยความมั่นใจครับ..."
..."ถ้าอาศัยความกล้าอย่างเดียว ก็ไม่ต้องคิดมากล่ะครับ อาจารย์..." 😄
😊..."ถ้ากล้าทำ โดยไม่ได้คิดอะไรก่อน เขาเรียกว่า ทำตามอารมณ์ชั่ววูบ...แต่ถ้าคิดได้แล้ว ไม่กล้าทำอะไรซักที เขาเรียกว่า คนคิดมาก...ความมั่นใจอย่างเดียวไม่พอ ต้องอาศัยความกล้าในการทำสิ่งที่เรามั่นใจ..."
..."ผมคิดว่า มันเกี่ยวข้องกับความชัดเจนครับอาจารย์...C ตัวที่หนึ่ง...ถ้าเรามั่นใจว่า เป้าหมายของเราคืออะไร เราจะทำอะไร เราจะทำไปทำไม เราจะไปถึงไหน เราจะไปยังงัย ถ้าเกิดปัญหาขึ้นเราจะแก้ไขยังงัย ความเปลี่ยนแปลงที่เราต้องการให้เกิดขึ้นคืออะไร และ จะรู้ได้อย่างไรว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นแล้ว ก็แสดงว่าเราได้ทำ C ตัวที่หนึ่งแล้ว..." 😉
😄..."ครับ ใช่ครับ...คุณมาถูกทางแล้วครับ..."
..."แสดงว่า กิจกรรมอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้น ก็เป็นผลจากที่เราชัดเจนว่าเราต้องการเห็นอะไรครับอาจารย์..."
..."นั่นก็ใช่ครับ...😊...มาถึงตอนนี้ คุณก็คงจะเข้าใจเป็นอย่างดีแล้วว่า ถ้าเรากำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน สิ่งอื่นๆ ที่ตามมาก็จะชัดเจนตามมาเป็นเหมือนห่วงโซ่...ถ้าไม่ชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้น สิ่งที่ตามมาก็จะไม่ชัดเจน และ ถ้ายืนยันจะทำต่อไป ไม่มีการแก้ไข ปรับปรุง มันก็จะพังทลายไปในที่สุด..."
..."ครับ อาจารย์...😍"
เรื่องเล่าหลากรส ทั้งสุข ทั้งเศร้า คละเคล้ากันไป เพราะชีวิตคือการเรียนรู้....การเรียนรู้ทำให้ชีวิตมีรสชาติที่หลากหลาย..ไม่ชิม ไม่สัมผัส ไม่ลอง ไม่รู้...
วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2561
วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2561
เล็กๆ ใช่เลย...สูตรสำเร็จนั้นมีมากมาย แต่จะสำเร็จหรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง...ตอนที่ ๘
...บทสนทนาของลูกศิษย์กับอาจารย์ เริ่มต้นขึ้นในตอนเช้าของวันหนึ่ง...
..."อาจารย์ครับ...ผมได้กำหนดเป้าหมายชีวิตของผมมาแล้วครับ กว่าจะทำได้ก็ใช้เวลานานพอสมควรเลยครับนี่...กว่าจะค้นหาสิ่งตัวเองรักได้ชัดเจน ก็ต้องถามตัวเอง ถามแล้วถามอีกว่าเป็นสิ่งที่ตัวเองรักจริงหรือเปล่า...ไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่เลยครับอาจารย์..."
...อาจารย์ก็อมยิ้ม และบอกกับลูกศิษย์ว่า "ไม่ง่าย และก็ไม่ยาก...ส่วนมากคนเรายุ่งยากกับความคิดทั้งนั้นล่ะครับ แต่พอได้คำตอบ มันก็ง่ายขึ้นมาทันที...ต้องเปลี่ยนความคิดออกมาเป็นสิ่งที่จับต้องได้ คิดแล้วเขียนออกมา นั่นก็เป็นวิธีนึง..."
..."ครับอาจารย์...แล้วทีนี้ ผมจะไปต่อยังงัยครับ มีเป้าหมายชีวิตแล้วนี่..."
..."อย่างที่อาจารย์บอกล่ะครับ ว่าเราต้องเปลี่ยนสิ่งที่จับต้องไม่ได้ ให้เป็นรูปธรรม...ลองเขียนสิ่งที่ตัวเองจะทำในแต่ละวันออกมาดูครับ สิ่งที่เราทำแล้วมีพลัง หมายถึงว่าทำแล้วมีความพึงพอใจ เบิกบานใจ มีประโยชน์กับคนอื่นและสังคม...มันมีเหตุผลนะ ที่เราต้องเขียนออกมาเป็นวันๆ นี่..."
..."เพราะว่าเราต้องเริ่มจากตัวเรา จากสิ่งเล็กๆ ที่มีพลังครับ อาจารย์...ถึงแม้ว่าเราจะคิดทำเรื่องใหญ่ขนาดไหนก็ตาม อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ เราก็ต้องเริ่มจากสิ่งเล็กๆ อยู่ดี...ผมมีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจนขึ้น ผมก็ต้องลงมือทำ เริ่มจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ สะสมไปเรื่อยๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายครับ..."
..."แสดงว่าคุณก็คงเข้าใจแล้วนะครับ ว่าเราจะต้องเขียนสิ่งที่เราจะทำออกมาแบบไหน..."
..."รู้แล้วครับอาจารย์...สิ่งที่ผมจะทำในแต่ละวัน จะต้องเป็นสิ่งที่จะส่งผลให้ผมได้บรรลุเป้าหมายชีวิตของผมที่ได้ตั้งไว้ครับ จะสำเร็จหรือเปล่านั้น มันเป็นอีกเรื่องนึงนะครับอาจารย์...ผมคิดว่าเราต้องลงมือทำ มันจึงจะเกิดผลครับ..."
..."ครับ...อาจารย์มีแนวคิดที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จมาฝากพิจารณา..."
...3C...Clarity...Consistency...Continuity...
..."อาจารย์กำลังจะบอกว่า ถ้าผมนำแนวคิดนี้ไปประกอบกับสิ่งที่ผมจะทำในชีวิตของผม ความสำเร็จก็จะเกิดขึ้น ใช่มั๊ยครับ..?"
..."ครับ...ถ้าอย่างนั้น เรามาดูกันไปทีละ C ครับ..."
..."ครับ อาจารย์..." 😊😊
..."อาจารย์ครับ...ผมได้กำหนดเป้าหมายชีวิตของผมมาแล้วครับ กว่าจะทำได้ก็ใช้เวลานานพอสมควรเลยครับนี่...กว่าจะค้นหาสิ่งตัวเองรักได้ชัดเจน ก็ต้องถามตัวเอง ถามแล้วถามอีกว่าเป็นสิ่งที่ตัวเองรักจริงหรือเปล่า...ไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่เลยครับอาจารย์..."
...อาจารย์ก็อมยิ้ม และบอกกับลูกศิษย์ว่า "ไม่ง่าย และก็ไม่ยาก...ส่วนมากคนเรายุ่งยากกับความคิดทั้งนั้นล่ะครับ แต่พอได้คำตอบ มันก็ง่ายขึ้นมาทันที...ต้องเปลี่ยนความคิดออกมาเป็นสิ่งที่จับต้องได้ คิดแล้วเขียนออกมา นั่นก็เป็นวิธีนึง..."
..."ครับอาจารย์...แล้วทีนี้ ผมจะไปต่อยังงัยครับ มีเป้าหมายชีวิตแล้วนี่..."
..."อย่างที่อาจารย์บอกล่ะครับ ว่าเราต้องเปลี่ยนสิ่งที่จับต้องไม่ได้ ให้เป็นรูปธรรม...ลองเขียนสิ่งที่ตัวเองจะทำในแต่ละวันออกมาดูครับ สิ่งที่เราทำแล้วมีพลัง หมายถึงว่าทำแล้วมีความพึงพอใจ เบิกบานใจ มีประโยชน์กับคนอื่นและสังคม...มันมีเหตุผลนะ ที่เราต้องเขียนออกมาเป็นวันๆ นี่..."
..."เพราะว่าเราต้องเริ่มจากตัวเรา จากสิ่งเล็กๆ ที่มีพลังครับ อาจารย์...ถึงแม้ว่าเราจะคิดทำเรื่องใหญ่ขนาดไหนก็ตาม อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ เราก็ต้องเริ่มจากสิ่งเล็กๆ อยู่ดี...ผมมีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจนขึ้น ผมก็ต้องลงมือทำ เริ่มจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ สะสมไปเรื่อยๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายครับ..."
..."แสดงว่าคุณก็คงเข้าใจแล้วนะครับ ว่าเราจะต้องเขียนสิ่งที่เราจะทำออกมาแบบไหน..."
..."รู้แล้วครับอาจารย์...สิ่งที่ผมจะทำในแต่ละวัน จะต้องเป็นสิ่งที่จะส่งผลให้ผมได้บรรลุเป้าหมายชีวิตของผมที่ได้ตั้งไว้ครับ จะสำเร็จหรือเปล่านั้น มันเป็นอีกเรื่องนึงนะครับอาจารย์...ผมคิดว่าเราต้องลงมือทำ มันจึงจะเกิดผลครับ..."
..."ครับ...อาจารย์มีแนวคิดที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จมาฝากพิจารณา..."
...3C...Clarity...Consistency...Continuity...
..."อาจารย์กำลังจะบอกว่า ถ้าผมนำแนวคิดนี้ไปประกอบกับสิ่งที่ผมจะทำในชีวิตของผม ความสำเร็จก็จะเกิดขึ้น ใช่มั๊ยครับ..?"
..."ครับ...ถ้าอย่างนั้น เรามาดูกันไปทีละ C ครับ..."
..."ครับ อาจารย์..." 😊😊
วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2561
Ikigai...สูตรสำเร็จนั้นมีมากมาย แต่จะสำเร็จหรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง...ตอนที่ ๗
...ทบทวนกันอีกครั้งครับ...การกำหนดเป้าหมายชีวิตมี ๔ ขั้นตอน...
การค้นหา "ความปรารถนาของชีวิต"
การค้นหา "วิชาชีพ"
การค้นหา "คุณค่างานของเราที่มีให้กับสังคมนี้ โลกใบนี้" และ...
การค้นหา "ภารกิจในการใช้ชีวิต"...
...ในการค้นหา "ภารกิจในการใช้ชีวิต" ให้เรานำเอาสิ่งที่เราได้พิจารณาแล้วว่า "โลกนี้ สังคมนี้ ต้องการอะไร" มาพิจารณาอย่างค่อยเป็นค่อยไปร่วมกับ "สิ่งที่เรารัก" เราก็จะได้ข้อสรุปออกมาครับ...
...และ เช่นเคยครับ ผู้เขียนขอยกตัวอย่างของผู้เขียนเองในการกำหนด "ภารกิจในการใช้ชีวิต"...ผู้เขียนเชื่อว่า "โลกนี้ สังคมนี้ ต้องการผู้ฟังที่ดี ต้องการคนมองโลกในแง่ดี ต้องการความสงบสุข ต้องการสันติภาพ ต้องการผู้นำทางความคิด"...ส่วนสิ่งที่ตัวเองรัก คือ "การเดินทางท่องเที่ยว รักการเขียนหนังสือ รักการอ่านหนังสือ ชอบขับรถ ชอบการสร้างคน สอนคน รักที่จะทำเรื่องเล็กๆ แต่มีพลัง..."
...เมื่อนำสองส่วนนี้มาพิจารณาแล้ว ผู้เขียนก็จะได้ "ภารกิจในการใช้ชีวิต" ว่า "การสื่อสารเรื่องราวต่างๆ ที่จะสร้างพลังชีวิตให้กับคนอื่น สร้างคนที่มีคุณภาพให้กับสังคม..."
...ในขั้นตอนต่อไป ก็คือการกำหนดเป้าหมายชีวิตของตัวเองครับ โดยแนวคิด Ikigai ปรัชญาหนึ่งในการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่น บอกไว้ว่า "สิ่งที่จะทำให้เราตื่นขึ้นมา และกระโดดออกจากเตียง ลุกขึ้นมาใช้ชีวิตอย่างเบิกบานใจ"...การกำหนดเป้าหมายชีวิตโดยปรัชญาแนวนี้ก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนครับ...ผู้เขียนเองก็ได้กำหนดเป้าหมายตามแนวคิดนี้ไว้ว่า "ผู้เขียนจะเป็นนักเล่าเรื่องเพื่อสร้างพลังชีวิต และสร้างทางเลือกในการพัฒนาตัวเอง และพัฒนาสังคม..."
...คงจะไม่ยากเท่าไหร่นะครับ ในการค้นหาตัวเอง และ กำหนดเป้าหมายชีวิตของตัวเอง...ขอเพียงให้เราใช้เวลากับตัวเอง พิจารณาอย่างค่อยเป็นค่อยไป...บางคนอาจจะใช้เวลาหลายวัน หลายสัปดาห์ หลายเดือนก็เป็นไปได้ นั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาครับ เพราะแต่ละคนก็ผ่านประสบการณ์มามากมาย แตกต่างกันไป...ค่อยๆ คิด ค่อยๆ พิจารณาครับ "ชีวิตเป็นของเราเอง ทำในสิ่งที่มีความสุข ไม่ทำให้ผู้อื่นทุกข์ เป็นประโยชน์ต่อสังคมตามแรงที่มี" ก็เอาล่ะครับ...
การค้นหา "ความปรารถนาของชีวิต"
การค้นหา "วิชาชีพ"
การค้นหา "คุณค่างานของเราที่มีให้กับสังคมนี้ โลกใบนี้" และ...
การค้นหา "ภารกิจในการใช้ชีวิต"...
...ในการค้นหา "ภารกิจในการใช้ชีวิต" ให้เรานำเอาสิ่งที่เราได้พิจารณาแล้วว่า "โลกนี้ สังคมนี้ ต้องการอะไร" มาพิจารณาอย่างค่อยเป็นค่อยไปร่วมกับ "สิ่งที่เรารัก" เราก็จะได้ข้อสรุปออกมาครับ...
...และ เช่นเคยครับ ผู้เขียนขอยกตัวอย่างของผู้เขียนเองในการกำหนด "ภารกิจในการใช้ชีวิต"...ผู้เขียนเชื่อว่า "โลกนี้ สังคมนี้ ต้องการผู้ฟังที่ดี ต้องการคนมองโลกในแง่ดี ต้องการความสงบสุข ต้องการสันติภาพ ต้องการผู้นำทางความคิด"...ส่วนสิ่งที่ตัวเองรัก คือ "การเดินทางท่องเที่ยว รักการเขียนหนังสือ รักการอ่านหนังสือ ชอบขับรถ ชอบการสร้างคน สอนคน รักที่จะทำเรื่องเล็กๆ แต่มีพลัง..."
...เมื่อนำสองส่วนนี้มาพิจารณาแล้ว ผู้เขียนก็จะได้ "ภารกิจในการใช้ชีวิต" ว่า "การสื่อสารเรื่องราวต่างๆ ที่จะสร้างพลังชีวิตให้กับคนอื่น สร้างคนที่มีคุณภาพให้กับสังคม..."
...ในขั้นตอนต่อไป ก็คือการกำหนดเป้าหมายชีวิตของตัวเองครับ โดยแนวคิด Ikigai ปรัชญาหนึ่งในการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่น บอกไว้ว่า "สิ่งที่จะทำให้เราตื่นขึ้นมา และกระโดดออกจากเตียง ลุกขึ้นมาใช้ชีวิตอย่างเบิกบานใจ"...การกำหนดเป้าหมายชีวิตโดยปรัชญาแนวนี้ก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนครับ...ผู้เขียนเองก็ได้กำหนดเป้าหมายตามแนวคิดนี้ไว้ว่า "ผู้เขียนจะเป็นนักเล่าเรื่องเพื่อสร้างพลังชีวิต และสร้างทางเลือกในการพัฒนาตัวเอง และพัฒนาสังคม..."
...คงจะไม่ยากเท่าไหร่นะครับ ในการค้นหาตัวเอง และ กำหนดเป้าหมายชีวิตของตัวเอง...ขอเพียงให้เราใช้เวลากับตัวเอง พิจารณาอย่างค่อยเป็นค่อยไป...บางคนอาจจะใช้เวลาหลายวัน หลายสัปดาห์ หลายเดือนก็เป็นไปได้ นั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาครับ เพราะแต่ละคนก็ผ่านประสบการณ์มามากมาย แตกต่างกันไป...ค่อยๆ คิด ค่อยๆ พิจารณาครับ "ชีวิตเป็นของเราเอง ทำในสิ่งที่มีความสุข ไม่ทำให้ผู้อื่นทุกข์ เป็นประโยชน์ต่อสังคมตามแรงที่มี" ก็เอาล่ะครับ...
วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2561
Ikigai...สูตรสำเร็จนั้นมีมากมาย แต่จะสำเร็จหรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง...ตอนที่ ๖
...ตอนที่ ๖ นี้ จะนำเราสู่การพิจารณา "คุณค่างานของเราที่มีให้กับสังคมนี้ โลกใบนี้" ครับ...
...เริ่มจากการนำ "สิ่งที่เราทำแล้วเกิดรายได้" หรือพูดง่ายๆ คือ มีคนพร้อมที่จะจ่ายตังค์ให้เรานั่นเองครับ...นำมาพิจารณาคู่กับ "สิ่งที่โลก สิ่งที่สังคมนี้ต้องการ"...
...ตัวอย่างจากผู้เขียน (อย่าเพิ่งเบื่อกันนะครับ ยกตัวอย่างที่ตัวเองทำก็สะดวกดีครับ)..."สิ่งที่ทำแล้วเกิดรายได้" คือ การเป็นวิทยากร, การเป็นผู้อำนวยความสะดวกในกระบวนการเรียนรู้, การเป็นโค้ช, การเป็นที่ปรึกษาด้านการพัฒนาบุคลากรและองค์กร...ส่วน "สิ่งที่โลกนี้ สังคมนี้ต้องการ" ตามมุมมองของผู้เขียน เห็นว่า สังคมนี้ต้องการความสงบสุข ต้องการผู้ฟังที่ดี ต้องการคนมองโลกในแง่ดี ต้องการผู้นำทางความคิด...
...เมื่อพิจารณาจากสองส่วนนี้แล้ว ผู้เขียนก็จะได้ "คุณค่างานของเราที่มีให้กับสังคมนี้ โลกใบนี้" ว่า "ความสามารถในการเป็นที่ปรึกษา และเป็นทรัพยากรบุคคลด้านการพัฒนาตัวเองและองค์กร"...
...มาถึงตอนนี้ เราก็จะได้ ๓ องค์ประกอบที่สำคัญสำหรับการกำหนดเป้าหมายชีวิตของเราแล้วครับ...เหลืออีกหนึ่งองค์ประกอบ สามารถติดตามได้ในตอนต่อไปครับ...
<<<<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>>>>>
ทวนคืนกันนิดนึงครับ ว่า "การกำหนดเป้าหมายชีวิตของเรา" มี ๔ ขั้นตอน ได้แก่...
การค้นหา "ความปรารถนาของชีวิต"
การค้นหา "วิชาชีพ"
การค้นหา "คุณค่างานของเราที่มีให้กับสังคมนี้ โลกใบนี้" และ...
การค้นหา "ภารกิจในการใช้ชีวิต"...
วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2561
Ikigai...สูตรสำเร็จนั้นมีมากมาย แต่จะสำเร็จหรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง...ตอนที่ ๕
...สวัสดีครับ...เรามาต่อกันในตอนที่ ๕ เรื่องสูตรสำเร็จครับ...
...ต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว เราได้พูดคุยกันเรื่อง การค้นหา "ความปรารถนาของชีวิต"...วันนี้เราจะมาคุยกันต่อเรื่อง "วิชาชีพ" ครับ
...การค้นหา "วิชาชีพ" ของเรา เป็นการพิจารณาจาก "สิ่งที่เราถนัด" กับ "สิ่งที่ทำแล้วเกิดรายได้" ครับ...สององค์ประกอบนี้เป็นส่วนผสมของทักษะ ความชำนาญของเรา เข้ากับสิ่งที่ทำแล้วเกิดรายได้ครับ...หลายคนบอกว่า บางครั้งการทำสิ่งที่เกิดรายได้ กลับไม่ใช่สิ่งที่เราถนัดเสมอไปครับ...ในมุมมองตรงกันข้าม ถ้าเราคิดพิจารณาดูดีๆ ว่าเราสามารถนำสิ่งที่เราถนัดมาทำให้เกิดรายได้ นั่นถือว่าสุดยอดล่ะครับ ถนัดด้วย เกิดรายได้ด้วย...ดังนั้นในขั้นนี้ เราต้องค่อยๆ ดูตัวเอง อย่าหลอกตัวเอง โดยปกติ ทักษะที่เกิดขึ้นในงานก็จะเป็นสิ่งที่เราถนัดอยู่แล้ว เพราะความถนัดหรือทักษะนี่ ต้องอาศัยการฝึกฝน อาศัยการสะสมชั่วโมงบินมาทั้งนั้นครับ..."วิชาชีพ" เป็นสิ่งที่เราเรียนรู้มาจากโรงเรียน จากการทดลองปฏิบัติ ค่อยๆ สะสมมา ทั้งด้านการคิด มุมมอง ความเชื่อ และการลงมือปฏิบัติ...ถ้าเราพิจารณาดูดีๆ ค่อยๆ พิจารณา เราก็จะเห็นความสัมพันธ์กันอย่างแยบคายครับ...
...ขออนุญาตยกตัวอย่างจากผู้เขียนเอง ในการกำหนด "วิชาชีพ"...ผู้เขียน "ถนัด" ในเรื่องการฟังคน ฟังเพื่อเข้าใจ, ถนัดในเรื่องการดูบุคลิกภาพของคน และบอกได้ว่าบุคคลผู้นั้นมีลักษณะนิสัยอย่างไร, ผู้เขียนถนัดในเรื่องการออกแบบขบวนการเรียนรู้เพื่อให้คนได้ค้นหาศักยภาพของตัวเอง...ส่วน "สิ่งที่ทำแล้วเกิดรายได้หาเลี้ยงตัวเอง" ก็เป็นเรื่องการเป็นวิทยากร, การเป็นนักจัดกระบวนการเรียนรู้, การเป็นโค้ช, การเป็นที่ปรึกษาด้านการพัฒนาบุคลากรและองค์กร...
...เมื่อนำ "สิ่งที่ถนัด" มาพิจารณากับ "สิ่งที่ทำแล้วเกิดรายได้หาเลี้ยงตัวเอง" ผู้เขียนก็จะได้ "วิชาชีพ" คือ การเป็นวิทยากร, การเป็นโค้ช, การเป็นที่ปรึกษาด้านการพัฒนาบุคลากรและองค์กร ครับ...
...จากตัวอย่าง เราก็จะเห็นความสัมพันธ์ ซึ่ง "วิชาชีพ" ก็มาจาก "ความถนัด" ของเราเอง ไม่ทางตรงก็ทางอ้อมครับ...
...ในตอนต่อไป เราจะมาพิจารณาขั้นที่ ๓ เพื่อกำหนด "คุณค่าของงานที่เราทำ ที่มีต่อสังคม (Vocation)" ครับ...
วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2561
Ikigai...สูตรสำเร็จนั้นมีมากมาย แต่จะสำเร็จหรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง...ตอนที่ ๔
...หลังจากที่เราได้ค้นหา ๔ องค์ประกอบแล้ว ถือว่าเราได้ผ่านขั้นตอน "การค้นหาตัวเอง" มาแล้วครับ ต่อไปเราจะเข้าสู่ขั้นตอนการกำหนดเป้าหมายชีวิตของเรากันครับ...เรามาดูกันว่าเราจะใช้ประโยชน์จากองค์ประกอบทั้ง ๔ นี้กันได้อย่างไร...
ขั้นที่ ๑ ให้เราดู "สิ่งที่เรารัก" คู่กับ "สิ่งที่เราถนัด" ครับ และสรุปออกมาให้ได้ใจความที่บ่งบอกถึง "ความปรารถนาของชีวิต" ผู้เขียนแปลจากคำว่า Passion ครับ จริงๆ คำนี้ถ้าแปลตรงตัว แปลได้ว่า ความหลงใหล ความหมายลึกซึ้งครับ ก็เลยใช้คำที่เข้าใจง่ายหน่อย...ความปรารถนาของชีวิต เป็นสิ่งที่ทำให้เราได้ใช้พลังชีวิตในด้านที่เรารัก และเราถนัด มาผสมผสานกัน ทำให้เราชัดเจนมากขึ้น...
...ขอยกตัวอย่างของผู้เขียน...ผู้เขียน "รัก" ในเรื่องการเดินทาง ท่องเที่ยว โดยเฉพาะไปเดินป่า ขึ้นเขา, รักการอ่านหนังสือ, รักการขับรถ, รักในการสร้างคน สอนคน, รักที่จะทำเรื่องเล็กๆ แต่มีพลัง...
...ผู้เขียน "ถนัด" เรื่องการฟังคน ฟังเพื่อเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึก, ถนัดในเรื่องการวิเคราะห์บุคลิกภาพของคน, ถนัดในเรื่องการสนทนาเพื่อให้ข้อคิดกับคนอื่น และกระตุ้นให้คนได้ใช้พลังที่มีอยู่ในตัวเองให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่น...
...เมื่อนำ ๒ องค์ประกอบนี้มีกำหนด "ความปรารถนาของชีวิต" ก็จะสรุปได้ว่า "การท่องเที่ยวหาประสบการณ์, นำมาถ่ายทอดเรื่องราวด้วยการเขียน, การเล่าเรื่อง, เพื่อให้กำลังใจผู้คน, เป็นที่ปรึกษาด้านชีวิต และการงาน..."...นี่คือ Passion ของผู้เขียนครับ...
ขั้นที่ ๒ เราจะนำเอา "สิ่งที่เราถนัด" กับ "สิ่งที่เราทำ แล้วเกิดรายได้เลี้ยงตัวเอง" มาพิจารณา เราก็จะได้ "วิชาชีพ (Profession)"...พูดง่ายๆ คือเครื่องมือทำมาหากินนั่นล่ะครับ...
ขั้นที่ ๓ นำเอา "สิ่งที่เราทำ แล้วเกิดรายได้เลี้ยงตัวเอง" กับ "สิ่งที่โลกต้องการ" มาพิจารณา เราก็จะได้ "คุณค่าของงานที่เราทำที่มีต่อสังคม (Vocation)"...
ขั้นที่ ๔ นำเอา "สิ่งที่โลกต้องการ" มาพิจารณากับ "สิ่งที่เรารัก" เราก็จะได้ "ภารกิจ (Mission)" คือได้ทำในสิ่งที่รัก และมีคุณค่าต่อโลกใบนี้...
...รายละเอียดในขั้นที่ ๒-๔ จะเล่าสู่กันฟังในตอนต่อไปครับ...
ขั้นที่ ๑ ให้เราดู "สิ่งที่เรารัก" คู่กับ "สิ่งที่เราถนัด" ครับ และสรุปออกมาให้ได้ใจความที่บ่งบอกถึง "ความปรารถนาของชีวิต" ผู้เขียนแปลจากคำว่า Passion ครับ จริงๆ คำนี้ถ้าแปลตรงตัว แปลได้ว่า ความหลงใหล ความหมายลึกซึ้งครับ ก็เลยใช้คำที่เข้าใจง่ายหน่อย...ความปรารถนาของชีวิต เป็นสิ่งที่ทำให้เราได้ใช้พลังชีวิตในด้านที่เรารัก และเราถนัด มาผสมผสานกัน ทำให้เราชัดเจนมากขึ้น...
...ขอยกตัวอย่างของผู้เขียน...ผู้เขียน "รัก" ในเรื่องการเดินทาง ท่องเที่ยว โดยเฉพาะไปเดินป่า ขึ้นเขา, รักการอ่านหนังสือ, รักการขับรถ, รักในการสร้างคน สอนคน, รักที่จะทำเรื่องเล็กๆ แต่มีพลัง...
...ผู้เขียน "ถนัด" เรื่องการฟังคน ฟังเพื่อเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึก, ถนัดในเรื่องการวิเคราะห์บุคลิกภาพของคน, ถนัดในเรื่องการสนทนาเพื่อให้ข้อคิดกับคนอื่น และกระตุ้นให้คนได้ใช้พลังที่มีอยู่ในตัวเองให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่น...
...เมื่อนำ ๒ องค์ประกอบนี้มีกำหนด "ความปรารถนาของชีวิต" ก็จะสรุปได้ว่า "การท่องเที่ยวหาประสบการณ์, นำมาถ่ายทอดเรื่องราวด้วยการเขียน, การเล่าเรื่อง, เพื่อให้กำลังใจผู้คน, เป็นที่ปรึกษาด้านชีวิต และการงาน..."...นี่คือ Passion ของผู้เขียนครับ...
ขั้นที่ ๒ เราจะนำเอา "สิ่งที่เราถนัด" กับ "สิ่งที่เราทำ แล้วเกิดรายได้เลี้ยงตัวเอง" มาพิจารณา เราก็จะได้ "วิชาชีพ (Profession)"...พูดง่ายๆ คือเครื่องมือทำมาหากินนั่นล่ะครับ...
ขั้นที่ ๓ นำเอา "สิ่งที่เราทำ แล้วเกิดรายได้เลี้ยงตัวเอง" กับ "สิ่งที่โลกต้องการ" มาพิจารณา เราก็จะได้ "คุณค่าของงานที่เราทำที่มีต่อสังคม (Vocation)"...
ขั้นที่ ๔ นำเอา "สิ่งที่โลกต้องการ" มาพิจารณากับ "สิ่งที่เรารัก" เราก็จะได้ "ภารกิจ (Mission)" คือได้ทำในสิ่งที่รัก และมีคุณค่าต่อโลกใบนี้...
...รายละเอียดในขั้นที่ ๒-๔ จะเล่าสู่กันฟังในตอนต่อไปครับ...
วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2561
Ikigai...สูตรสำเร็จนั้นมีมากมาย แต่จะสำเร็จหรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง...ตอนที่ ๓
...การที่เราจะตั้งเป้าหมายชีวิตให้ได้ดี ให้ได้ชัดเจน ให้ได้ดั่งใจเรา ก็ต้องมีการอาศัยหลักการ หลักคิดอยู่เหมือนกัน...
...ผู้เขียนเห็นว่า หลักคิดหนึ่งที่สามารถนำมาใช้ได้ดี เหมาะสม เป็นหลักคิดที่เรียกว่า อิคิไก Ikigai เป็นแนวคิดการดำเนินชีวิตของคนญี่ปุ่น ที่ว่า "เหตุผลที่จะทำให้คุณมีชีวิตอยู่" หรือ "สิ่งที่จะทำให้คุณตื่นและกระโดดออกมาจากเตียงนอนในตอนเช้า"...ถ้าพิจารณาแล้ว ก็คงเป็นความพึงพอใจในการมีชีวิตอยู่ และ ทำให้เราได้เข้าใจความหมายของชีวิตได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น...
...เริ่มต้นไม่ยากครับ หาองค์ประกอบ ๔ เรื่องนี้ให้พบ ขบคิด พิจารณาให้ชัดเจน...
องค์ประกอบที่ ๑ สิ่งที่เรารัก...อยากทำมาก ถึงมากที่สุด ไม่มีใครมาบังคับ ถ้าไม่ได้ทำจะรู้สึกว่าชีวิตขาดรสชาติ
องค์ประกอบที่ ๒ สิ่งที่เราถนัด...เป็นทักษะ เป็นความชำนาญ เกิดจากการเรียนรู้ การปฏิบัติจริง...
องค์ประกอบที่ ๓ สิ่งที่เราทำแล้วเกิดรายได้เลี้ยงตัวเอง...
องค์ประกอบที่ ๔ สิ่งที่โลกนี้ สังคมนี้ต้องการ...
...ดูๆ ไป องค์ประกอบเหล่านี้ก็เหมือนแนวคำถามที่เราใช้สำรวจตัวเอง สำรวจวิธีคิด สำรวจวิธีปฏิบัติของเราครับ...ในขั้นตอนนี้อย่ารีบนะครับ ค่อยๆ คิด พิจารณา...ผู้เขียนใช้วิธีเขียนออกมาเป็นข้อๆ ก่อน หลังจากนั้นก็มาพิจารณา ว่าใช่หรือไม่ใช่...โดยปกติแล้ว คนเราจะรู้ตัวเองดีครับ ว่าสิ่งใดที่เป็นตัวตนของตนเอง...
สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://en.wikipedia.org/wiki/Ikigai
...ผู้เขียนเห็นว่า หลักคิดหนึ่งที่สามารถนำมาใช้ได้ดี เหมาะสม เป็นหลักคิดที่เรียกว่า อิคิไก Ikigai เป็นแนวคิดการดำเนินชีวิตของคนญี่ปุ่น ที่ว่า "เหตุผลที่จะทำให้คุณมีชีวิตอยู่" หรือ "สิ่งที่จะทำให้คุณตื่นและกระโดดออกมาจากเตียงนอนในตอนเช้า"...ถ้าพิจารณาแล้ว ก็คงเป็นความพึงพอใจในการมีชีวิตอยู่ และ ทำให้เราได้เข้าใจความหมายของชีวิตได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น...
...เริ่มต้นไม่ยากครับ หาองค์ประกอบ ๔ เรื่องนี้ให้พบ ขบคิด พิจารณาให้ชัดเจน...
องค์ประกอบที่ ๑ สิ่งที่เรารัก...อยากทำมาก ถึงมากที่สุด ไม่มีใครมาบังคับ ถ้าไม่ได้ทำจะรู้สึกว่าชีวิตขาดรสชาติ
องค์ประกอบที่ ๒ สิ่งที่เราถนัด...เป็นทักษะ เป็นความชำนาญ เกิดจากการเรียนรู้ การปฏิบัติจริง...
องค์ประกอบที่ ๓ สิ่งที่เราทำแล้วเกิดรายได้เลี้ยงตัวเอง...
องค์ประกอบที่ ๔ สิ่งที่โลกนี้ สังคมนี้ต้องการ...
...ดูๆ ไป องค์ประกอบเหล่านี้ก็เหมือนแนวคำถามที่เราใช้สำรวจตัวเอง สำรวจวิธีคิด สำรวจวิธีปฏิบัติของเราครับ...ในขั้นตอนนี้อย่ารีบนะครับ ค่อยๆ คิด พิจารณา...ผู้เขียนใช้วิธีเขียนออกมาเป็นข้อๆ ก่อน หลังจากนั้นก็มาพิจารณา ว่าใช่หรือไม่ใช่...โดยปกติแล้ว คนเราจะรู้ตัวเองดีครับ ว่าสิ่งใดที่เป็นตัวตนของตนเอง...
สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://en.wikipedia.org/wiki/Ikigai
วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2561
3W เพื่อคุณภาพชีวิตหลังตื่นตอนเช้า...
....นึกถึงอารมณ์ของคนตื่นนอนใหม่ๆ คงงัวเงีย ไม่อยากลุกจากที่นอน ยิ่งในช่วงหน้าหนาว เจ้าประคุณเอ๊ย ไม่อยากจะพูดให้เสียเวลานอน....
...อารมณ์แบบนี้คงเคยเกิดขึ้นกับทุกคนครับ...บ่อยครั้งที่ผู้เขียนเองก็ติดอารมณ์แบบนี้ครับ...
...หลายครั้งหลายครา ที่ผู้เขียนพยายามปรับเปลี่ยนวิถีการการตื่นของตัวเอง...ในช่วงเช้า ตอนตื่นนอนนี่ละครับ ลองมาหลายแบบ หลายปี...ในที่สุด ก็ได้ค้นพบจริตของตัวเอง กับภารกิจที่จะต้องทำตอนตื่นนอน ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวสุดๆ ล่ะครับ...
...ผมใช้สูตร 3W...
W...Wake up early...ตื่นเช้าๆ...
W...Water...ดื่มน้ำขวดกลาง 750 มิลลิลิตร ทันทีที่ตื่น...
W...Walk...เดินอย่างน้อย 30 นาที แต่ไม่เกินหนึ่งชั่วโมง...
W...Water...ดื่มน้ำขวดกลาง 750 มิลลิลิตร ทันทีที่ตื่น...
W...Walk...เดินอย่างน้อย 30 นาที แต่ไม่เกินหนึ่งชั่วโมง...
Wake up early...ตื่นเช้าสดชื่น รับอากาศบริสุทธิ์ก่อนใครๆ ตื่นมาก็ยิ้มให้ตัวเองในกระจกด้วยนะครับ คนแรกที่เราจะยิ้มให้เมื่อตื่นนอน ก็คือเราเอง...จากนั้นค่อยๆ ลุก ยิ่งอายุเริ่มมาก ระวังอาการเวียนหัว เดี๋ยวล้มเอาง่ายๆ...บางทีไปต่างถิ่น ผู้เขียนเดินทางบ่อย ตื่นมา ลืมไปว่าไม่ได้อยู่ที่บ้าน ก็เคยเป็นครับ....
Water...ดื่มน้ำหลังจากตื่นนอน...ผู้เขียนอ่านบทความมาจากหลายแหล่ง เขาบอกว่าการดื่มน้ำตอนตื่นนอนช่วยให้ร่างกายเราสดชื่น ระบายได้ดี รักษาโรคต่างๆ สารพัด...ก็ลองทำดูครับ ทำมาหลายปี...ช่วยได้เรื่องระบาย เรื่องผิวแห้งก็ดีขึ้น...การดื่มนี่ต้องๆ ค่อยๆ ทำนะครับ ถ้าเริ่มจากมากๆ ในวันแรกๆ นี่ ขอบอก จุก...ให้เริ่มจากน้อยๆ แล้วค่อยเพิ่มปริมาณ และสังเกตตัวเอง...ตัวอย่างผู้เขียน ก็ 750 มิลลิลิตร รู้สึกสบายตัว ไม่อึดอัดครับ...
Walk...เดินครับเดิน...เดินเป็นเสมือนการออกกำลังกายครับ เดินแบบปกติ ช้าบ้าง เร็วบ้าง แกว่งแขนให้ขึ้นมาถึงระดับไหล่ แป๊บเดียว ไม่ถึง 15 นาทีหรอกครับ เหงื่อซ่กเลยล่ะ...ผู้เขียนชอบเดินมากครับ ถ้าเลือกได้ และมีเงื่อนไข จะขอเดินครับ...ตอนเช้าเดินประมาณ 1 ชั่วโมงครับ เบาตัว สบายเชียวล่ะ ถ้าเริ่มใหม่ๆ ก็ซักครึ่งชั่วโมงก่อนนะครับ แล้วค่อยเพิ่มเรื่อยๆ...
ใช้ 3W สำหรับช่วงเช้ามานานแล้วครับ...ช่วงแรกๆ ลำบากหน่อย เพราะขี้เกียจ ข้ออ้างเยอะ มาหลังๆ เริ่มกลับมาทบทวนเป้าหมายตัวเอง เริ่มเอาจริง เพื่อสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดีครับ ทำได้แฮะ...จะได้มีชีวิตยืนยาว เอาไว้เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ผู้สนใจได้อ่านกันงัยครับ...
...ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนครับ...ทำสม่ำเสมอ และ ต่อเนื่อง...ความสำเร็จที่สร้างสรรค์ เกิดขึ้นได้กับทุกเรื่องครับ...
วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2561
Ikigai...สูตรสำเร็จนั้นมีมากมาย แต่จะสำเร็จหรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่อง...ตอนที่ ๒
...การสนทนาระหว่างลูกศิษย์กับอาจารย์ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ลูกศิษย์ได้ถามถึงสูตรที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ...
"สูตรที่อาจารย์บอกว่า ต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน กำหนดวิธีการไปถึงเป้าหมายให้ละเอียด และลงมือทำให้ต่อเนื่องนี่ มันเป็นยังงัยครับอาจารย์...?"
"เรามาดูกันไปทีละตัวนะครับ...การตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน ก็คือการกำหนดสิ่งที่เราต้องการบรรลุ ผลที่ต้องการเห็น อยากเห็นอะไร อยากให้เกิดผลอย่างไรนั่นล่ะครับ..."
"อาจารย์ครับ...ถ้าเปรียบเทียบกับการทำโครงการ ก็หมายถึงผลที่จะเกิดขึ้น ผลที่จะได้รับจากโครงการ ใช่มั๊ยครับ?..."
"ถูกต้องครับ...สิ่งที่เราอยากบรรลุ นั่นคือเป้าหมายครับ..."
"ถ้าอย่างนั้น ก็คงไม่ยากเท่าไหร่ครับอาจารย์...ผมคิดว่ามันมีกระบวนการในการกำหนดเป้าหมาย มีการคิดอย่างเป็นระบบ เชื่อมโยง เป็นเหตุเป็นผลครับ...แต่ที่ผมสนใจ เป็นเรื่องการกำหนดเป้าหมายชีวิตน่ะครับอาจารย์ ทำไมมันถึงยุ่งยากจังเลยครับ...อาจารย์คิดเหมือนผมมั๊ยครับ?"
อาจารย์มองดูหน้าลูกศิษย์ ก็เข้าใจถึงความยุ่งยากที่แสดงออกทางสีหน้า...อาจารย์ก็ตอบลูกศิษย์ด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า "การกำหนดเป้าหมายชีวิตคนเรา มันก็ไม่ได้ต่างจากการกำหนดเป้าหมายของโครงการหรอกครับ เพียงแต่ว่ามันมีความละเอียดอ่อน มีปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องหลายเรื่อง...อาจารย์เองก็เคยใช้วิธีการต่างๆ ในการกำหนดเป้าหมายชีวิตมาเหมือนกัน...บางครั้งใช้วิธีการถามตัวเองว่า ถ้าเรามีชีวิตอีกหนึ่งปี เราจะทำอะไรบ้าง ถามแบบนี้จะทำให้เราได้แผนระยะสั้นนะ แต่ถ้าแผนระยะยาว อาจารย์จะถามตัวเองว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร เรามีเป้าหมายชีวิตแบบไหน..."
ลูกศิษย์สงสัยหนักเข้าไปอีก..."อ้อ ครับอาจารย์...แล้วอาจารย์เกิดมาเพื่ออะไร มีเป้าหมายชีวิตแบบไหนครับ?..." ลูกศิษย์ถามพร้อมกับหัวเราะ...อาจารย์กับลูกศิษย์มองหน้ากัน แล้วหัวเราะพร้อมกัน แล้วอาจารย์ก็ตอบว่า "ไม่รู้เหมือนกันครับ..."
"มันก็พอมีสูตรสำเร็จ พอเป็นแนวทางครับ...ผมอ่านหนังสือเล่มนึง เขาบอกไว้ว่า ในการกำหนดเป้าหมายชีวิตเรา มีอยู่ ๔ เรื่อง ที่ต้องค้นหาให้พบครับ..."
"ผมคิดว่า ต้องมีเงินทอง มีครอบครัวที่อบอุ่น มีเพื่อน มีการงานทำที่ดีๆ ใช่มั๊ยครับอาจารย์...?"
"ที่คุณว่ามาก็ใช่นะ ตามความคิดเห็นของคุณ...ตอนนี้ลองมาพิจารณาสิ่งที่อาจารย์จะเล่าให้ฟังนะครับ...เรื่องที่หนึ่ง ต้องรู้ก่อนว่า เรารักที่จะทำอะไร สิ่งที่เรารักคือหลงไหลกับสิ่งนั้น ไม่ต้องมีใครบอกให้ทำ...เรื่องที่สอง เป็นสิ่งที่เราถนัด มีความชำนาญ เกิดจากการปฏิบัติและฝึกฝน...เรื่องที่สาม เป็นเรื่องที่คุณทำได้ดี และสร้างรายได้ให้กับคุณ...และ เรื่องที่สี่ สังคมนี้ โลกนี้ต้องการอะไร ต้องการคนแบบไหน ต้องการสภาพแวดล้อมอย่างไร...ถ้าคุณตอบคำถามเหล่านี้ได้ ก็แสดงว่าคุณเริ่มจะเข้าใจตัวเอง และรู้จักตัวเองมากขึ้นแล้วครับ..."
"จริงรึเปล่าครับอาจารย์...ตอบคำถามแค่ ๔ เรื่องนี้ จะทำให้เรารู้เป้าหมายชีวิตของเราได้เลยเหรอครับ...?"
"ใกล้แล้วครับ แต่ยังไม่ถึงที่สุดนะ...มีรายละเอียดเพิ่มเติมครับ...เอายังงี้จะดีมั๊ย...คุณกลับไปตอบคำถามเหล่านี้มาก่อน แล้วเรามาคุยกันเพิ่มเติม..."
"พรุ่งนี้เหรอครับอาจารย์...ผมคิดว่าคงทำไม่ทันครับ..."
"เรากลับมาคุยกันเมื่อคุณพร้อมนะครับ...ค่อยๆ คิดไป ชีวิตเป็นเรื่องละเอียดอ่อนครับ..."
"ครับ อาจารย์..."
การสนทนาก็จบลงด้วยประการฉะนี้...👌
"สูตรที่อาจารย์บอกว่า ต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน กำหนดวิธีการไปถึงเป้าหมายให้ละเอียด และลงมือทำให้ต่อเนื่องนี่ มันเป็นยังงัยครับอาจารย์...?"
"เรามาดูกันไปทีละตัวนะครับ...การตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน ก็คือการกำหนดสิ่งที่เราต้องการบรรลุ ผลที่ต้องการเห็น อยากเห็นอะไร อยากให้เกิดผลอย่างไรนั่นล่ะครับ..."
"อาจารย์ครับ...ถ้าเปรียบเทียบกับการทำโครงการ ก็หมายถึงผลที่จะเกิดขึ้น ผลที่จะได้รับจากโครงการ ใช่มั๊ยครับ?..."
"ถูกต้องครับ...สิ่งที่เราอยากบรรลุ นั่นคือเป้าหมายครับ..."
"ถ้าอย่างนั้น ก็คงไม่ยากเท่าไหร่ครับอาจารย์...ผมคิดว่ามันมีกระบวนการในการกำหนดเป้าหมาย มีการคิดอย่างเป็นระบบ เชื่อมโยง เป็นเหตุเป็นผลครับ...แต่ที่ผมสนใจ เป็นเรื่องการกำหนดเป้าหมายชีวิตน่ะครับอาจารย์ ทำไมมันถึงยุ่งยากจังเลยครับ...อาจารย์คิดเหมือนผมมั๊ยครับ?"
อาจารย์มองดูหน้าลูกศิษย์ ก็เข้าใจถึงความยุ่งยากที่แสดงออกทางสีหน้า...อาจารย์ก็ตอบลูกศิษย์ด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า "การกำหนดเป้าหมายชีวิตคนเรา มันก็ไม่ได้ต่างจากการกำหนดเป้าหมายของโครงการหรอกครับ เพียงแต่ว่ามันมีความละเอียดอ่อน มีปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องหลายเรื่อง...อาจารย์เองก็เคยใช้วิธีการต่างๆ ในการกำหนดเป้าหมายชีวิตมาเหมือนกัน...บางครั้งใช้วิธีการถามตัวเองว่า ถ้าเรามีชีวิตอีกหนึ่งปี เราจะทำอะไรบ้าง ถามแบบนี้จะทำให้เราได้แผนระยะสั้นนะ แต่ถ้าแผนระยะยาว อาจารย์จะถามตัวเองว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร เรามีเป้าหมายชีวิตแบบไหน..."
ลูกศิษย์สงสัยหนักเข้าไปอีก..."อ้อ ครับอาจารย์...แล้วอาจารย์เกิดมาเพื่ออะไร มีเป้าหมายชีวิตแบบไหนครับ?..." ลูกศิษย์ถามพร้อมกับหัวเราะ...อาจารย์กับลูกศิษย์มองหน้ากัน แล้วหัวเราะพร้อมกัน แล้วอาจารย์ก็ตอบว่า "ไม่รู้เหมือนกันครับ..."
"มันก็พอมีสูตรสำเร็จ พอเป็นแนวทางครับ...ผมอ่านหนังสือเล่มนึง เขาบอกไว้ว่า ในการกำหนดเป้าหมายชีวิตเรา มีอยู่ ๔ เรื่อง ที่ต้องค้นหาให้พบครับ..."
"ผมคิดว่า ต้องมีเงินทอง มีครอบครัวที่อบอุ่น มีเพื่อน มีการงานทำที่ดีๆ ใช่มั๊ยครับอาจารย์...?"
"ที่คุณว่ามาก็ใช่นะ ตามความคิดเห็นของคุณ...ตอนนี้ลองมาพิจารณาสิ่งที่อาจารย์จะเล่าให้ฟังนะครับ...เรื่องที่หนึ่ง ต้องรู้ก่อนว่า เรารักที่จะทำอะไร สิ่งที่เรารักคือหลงไหลกับสิ่งนั้น ไม่ต้องมีใครบอกให้ทำ...เรื่องที่สอง เป็นสิ่งที่เราถนัด มีความชำนาญ เกิดจากการปฏิบัติและฝึกฝน...เรื่องที่สาม เป็นเรื่องที่คุณทำได้ดี และสร้างรายได้ให้กับคุณ...และ เรื่องที่สี่ สังคมนี้ โลกนี้ต้องการอะไร ต้องการคนแบบไหน ต้องการสภาพแวดล้อมอย่างไร...ถ้าคุณตอบคำถามเหล่านี้ได้ ก็แสดงว่าคุณเริ่มจะเข้าใจตัวเอง และรู้จักตัวเองมากขึ้นแล้วครับ..."
"จริงรึเปล่าครับอาจารย์...ตอบคำถามแค่ ๔ เรื่องนี้ จะทำให้เรารู้เป้าหมายชีวิตของเราได้เลยเหรอครับ...?"
"ใกล้แล้วครับ แต่ยังไม่ถึงที่สุดนะ...มีรายละเอียดเพิ่มเติมครับ...เอายังงี้จะดีมั๊ย...คุณกลับไปตอบคำถามเหล่านี้มาก่อน แล้วเรามาคุยกันเพิ่มเติม..."
"พรุ่งนี้เหรอครับอาจารย์...ผมคิดว่าคงทำไม่ทันครับ..."
"เรากลับมาคุยกันเมื่อคุณพร้อมนะครับ...ค่อยๆ คิดไป ชีวิตเป็นเรื่องละเอียดอ่อนครับ..."
"ครับ อาจารย์..."
การสนทนาก็จบลงด้วยประการฉะนี้...👌
วันพุธที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2561
Ikigai...สูตรสำเร็จนั้นมีมากมาย แต่จะสำเร็จหรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่อง...ตอนที่ ๑
บทสนทนาระหว่างลูกศิษย์กับอาจารย์ ในมื้อเที่ยงของวันหนึ่ง...
ลูกศิษย์ถามอาจารย์ว่า "อาจารย์ครับ มีทางลัดไปสู่ความสำเร็จบ้างมั๊ยครับ ทั้งชีิวิต และ หน้าที่การงาน...?"
อาจารย์ตอบคำถามด้วยความสงบนิ่ง "แล้วคุณคิดว่ามีมั๊ยครับ?"
"ผมคิดว่า น่าจะมีครับ...การที่คนเราจะพบกับความสำเร็จได้ ต้องมีความตั้งใจ...ตั้งใจอย่างเดียวไม่พอ ต้องลงมือทำ...มีการติดตามผล...ผมคิดว่านี่ก็น่าจะเป็นสูตรสำเร็จหนึ่งครับ..."
อาจารย์นิ่งเงียบไปนิดนึง แล้วก็ชมลูกศิษย์ "คุณคิดถูกแล้วครับ...คนเราต้องมีฝัน มีความตั้งใจ มีความมุ่งมั่นในสิ่งที่ตัวเองเชื่อว่าจะนำพาไปสู่ความสำเร็จ..."
ลูกศิษย์พยักหน้า แต่ก็มีสีหน้าสงสัย คิ้วชนกันอย่างเห็นได้ชัด..."เรื่องแบบนี้ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นนี่ครับอาจารย์ แล้วทำไมคนเราไม่ประสบความสำเร็จกันทุกคนล่ะครับ?"
...อาจารย์ยิ้ม และตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ..."เพราะคนเราไม่เหมือนกันนี่ครับ...บางคนช่างฝัน แต่ไม่รู้จะทำให้ฝันเป็นจริงได้ยังงัย...อยากเรียนเก่ง แต่ไม่อ่านหนังสือ ไม่ขยัน...อยากร่ำรวย แต่ก็อยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร...อยากเป็นมืออาชีพ แต่ไม่ลงมือฝึกปฏิบัติและเรียนรู้...มันก็ไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จได้ครับ..."
ลูกศิษย์มีสีหน้าดีขึ้น แต่ก็ยังไม่เข้าใจ...ก็เลยถามอาจารย์ต่อไป เพราะคิดว่ายังมีแนวทางที่น่าจะนำไปประยุกต์ใช้ได้..."อาจารย์ทำยังงัย จึงมายืนอยู่จุดนี้ได้?"...อาจารย์ยิ้มเล็กน้อย และตอบลูกศิษย์ไปว่า "ไม่มีอะไรยากหรอกครับ ขอให้ตั้งสติกับการใช้ชีวิตให้ดี และใช้สูตรว่า เราต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน กำหนดวิธีการที่จะไปถึงเป้าหมายให้ละเอียด และ ลงมือทำให้ต่อเนื่อง อย่าหยุด..."
"มันเป็นยังงัยน๊อนี่ อาจารย์...?" ลูกศิษย์ถามขึ้นด้วยความอยากรู้...
"ครับ กินข้าวเสร็จ แล้วค่อยคุยกันต่อนะครับ...เดี๋ยวไปไม่ทันประชุมนะ"
"ครับ อาจารย์..."
😀
ลูกศิษย์ถามอาจารย์ว่า "อาจารย์ครับ มีทางลัดไปสู่ความสำเร็จบ้างมั๊ยครับ ทั้งชีิวิต และ หน้าที่การงาน...?"
อาจารย์ตอบคำถามด้วยความสงบนิ่ง "แล้วคุณคิดว่ามีมั๊ยครับ?"
"ผมคิดว่า น่าจะมีครับ...การที่คนเราจะพบกับความสำเร็จได้ ต้องมีความตั้งใจ...ตั้งใจอย่างเดียวไม่พอ ต้องลงมือทำ...มีการติดตามผล...ผมคิดว่านี่ก็น่าจะเป็นสูตรสำเร็จหนึ่งครับ..."
อาจารย์นิ่งเงียบไปนิดนึง แล้วก็ชมลูกศิษย์ "คุณคิดถูกแล้วครับ...คนเราต้องมีฝัน มีความตั้งใจ มีความมุ่งมั่นในสิ่งที่ตัวเองเชื่อว่าจะนำพาไปสู่ความสำเร็จ..."
ลูกศิษย์พยักหน้า แต่ก็มีสีหน้าสงสัย คิ้วชนกันอย่างเห็นได้ชัด..."เรื่องแบบนี้ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นนี่ครับอาจารย์ แล้วทำไมคนเราไม่ประสบความสำเร็จกันทุกคนล่ะครับ?"
...อาจารย์ยิ้ม และตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ..."เพราะคนเราไม่เหมือนกันนี่ครับ...บางคนช่างฝัน แต่ไม่รู้จะทำให้ฝันเป็นจริงได้ยังงัย...อยากเรียนเก่ง แต่ไม่อ่านหนังสือ ไม่ขยัน...อยากร่ำรวย แต่ก็อยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร...อยากเป็นมืออาชีพ แต่ไม่ลงมือฝึกปฏิบัติและเรียนรู้...มันก็ไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จได้ครับ..."
ลูกศิษย์มีสีหน้าดีขึ้น แต่ก็ยังไม่เข้าใจ...ก็เลยถามอาจารย์ต่อไป เพราะคิดว่ายังมีแนวทางที่น่าจะนำไปประยุกต์ใช้ได้..."อาจารย์ทำยังงัย จึงมายืนอยู่จุดนี้ได้?"...อาจารย์ยิ้มเล็กน้อย และตอบลูกศิษย์ไปว่า "ไม่มีอะไรยากหรอกครับ ขอให้ตั้งสติกับการใช้ชีวิตให้ดี และใช้สูตรว่า เราต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน กำหนดวิธีการที่จะไปถึงเป้าหมายให้ละเอียด และ ลงมือทำให้ต่อเนื่อง อย่าหยุด..."
"มันเป็นยังงัยน๊อนี่ อาจารย์...?" ลูกศิษย์ถามขึ้นด้วยความอยากรู้...
"ครับ กินข้าวเสร็จ แล้วค่อยคุยกันต่อนะครับ...เดี๋ยวไปไม่ทันประชุมนะ"
"ครับ อาจารย์..."
😀
วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2561
เพื่อน...ศักยภาพ...จริงใจ...
...ทริปล่องใต้รอบนี้ ทำให้ผู้เขียนได้เจอกับผู้คนมากมาย ได้เห็นสิ่งที่ผู้เขียนเคยเห็นมาเมื่อสิบปีที่แล้ว ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ทำให้ผู้เขียนได้ตระหนักมากขึ้นกับกาลเวลาที่เปลี่ยนผ่านไป...
...คืนสุดท้ายก่อนที่จะเดินทางกลับบ้าน ผู้เขียนได้มีโอกาสได้นั่งสนทนากับเพื่อนรัก และ เพื่อนใหม่..."พี่ตี๋"...ชายร่างเล็ก สันทัด คล่องแคล่ว และ ที่ผู้เขียนประทับใจที่สุดคือเรื่องความรู้รอบตัวของ "พี่ตี๋" ซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่า "ผมรู้เท่าที่รู้ครับ"...เรามีเวลาได้สนทนากันอย่างออกรสชาติ ท่ามกลางบรรยากาศลมเย็นสบาย...เรื่องราวเริ่มจากเรื่องสนุกสนานสรรพเพเหระในวงกินดื่ม เรื่องราวชีวิต การต่อสู้ ความเชื่อ ปรัชญาในการใช้ชีวิต ก็ไหลพรั่งพรูออกมาราวกับว่า ผู้เขียนรู้จักกับ "พี่ตี๋" มานานแสนนาน...
...เมื่อการคุยออกรสชาติ และมีเรื่องราวที่น่าสนใจ ผู้เขียนก็ยิงคำถามทันที "พี่ตี๋ลองบอกแนวทางในการใช้ชีวิตให้ผมฟังหน่อยสิครับ ขอแค่ ๓ คำนะครับ, ๓ คำที่บ่งบอกความเป็นตัวพี่ได้"...คำตอบนั้นออกมาจากปากทันทีว่า "เพื่อน...ศักยภาพ...และจริงใจ" และ แน่นอนครับว่า ผู้เขียนก็อยากรู้ว่าความหมายที่ชายคนนี้ให้ความสำคัญกับ ๓ คำ นั่นคืออะไร ตามมาฟังกันครับ...
..."เพื่อน" คำที่ "พี่ตี๋" ยกขึ้นมาเล่าให้ฟังเป็นคำแรก...คนเราเป็นสัตว์สังคม ต้องมีเพื่อน ถ้าไม่มีเพื่อน ก็คงจะอยู่กันลำบาก...เพราะเราต้องอาศัยคนอื่นในบางเรื่อง และ ในทางตรงกันข้าม เราก็จะเป็นที่พึ่งให้กับคนอื่นๆ ได้เช่นกัน...ดังนั้น การคบเพื่อนของ "พี่ตี๋" จึงเป็นเรื่องที่เขาให้ความใส่ใจ เพราะคนเรากว่าจะได้รู้จักกัน กว่าจะเป็นเพื่อนกัน มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเข้าใจกัน ต้องดูแลความรู้สึกกัน และ ยอมรับกัน...
...."ศักยภาพ"..."ผมรู้ว่าผมทำอะไรได้ ผมรู้ว่าผมมีประโยชน์อะไรบ้าง ผมต้องพยายามทำให้เต็มที่เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนอื่น ให้กับสังคมให้ได้มากที่สุดเท่าที่แรงผมมี" เป็นคำบอกเล่าที่พรั่งพรูออกมาพร้อมด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความมุ่งมั่นจริงใจ...คนเราถ้ารู้จักตัวเองว่ามีความรู้ มีความสามารถอะไร และใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างไร อย่างมีคุณธรรมด้วยนะครับ โลกนี้คงน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ...
..."ความจริงใจ" คำสุดท้ายที่ขมวดจบลง ด้วยประโยคสั้นๆ จากปากพี่ตี๋ "ถ้าคุณไม่จริงใจ คุณก็ไม่มีเพื่อน...ถ้าคุณมีเพื่อน และคุณช่วยเพื่อน แต่คุณไม่จริงใจ ไม่นานเพื่อนๆ คุณก็จะหายไป...แต่ถ้าคุณจริงใจ คุณก็จะถูกห้อมล้อมด้วยเพื่อน และ ศักยภาพของคุณก็จะถูกดึงออกมาใช้"...
...การมีเพื่อนเป็นเรื่องไม่ยาก หากแต่เราต้องมีศักยภาพ และ ความจริงใจ...จบลงอย่างสวยงามมั๊ยล่ะครับ...
...การสนทนายังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเหมือนจะไม่มีวันจบ เพราะประสบการณ์ มุมมองของชายคนที่ชื่อ "พี่ตี๋" ยังมีอีกมากมายที่น่าฟัง และ น่าค้นหา...นี่เป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้นครับ ผู้เขียนคงได้มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้อีกแน่นอนครับ...
หมายเหตุ ขอบคุณ "พี่ตี๋" สำหรับเรื่องราวดีๆ ครับ
เมืองสงขลา...มุมมองจากยอดเขาตังกวน
...คืนสุดท้ายก่อนที่จะเดินทางกลับบ้าน ผู้เขียนได้มีโอกาสได้นั่งสนทนากับเพื่อนรัก และ เพื่อนใหม่..."พี่ตี๋"...ชายร่างเล็ก สันทัด คล่องแคล่ว และ ที่ผู้เขียนประทับใจที่สุดคือเรื่องความรู้รอบตัวของ "พี่ตี๋" ซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่า "ผมรู้เท่าที่รู้ครับ"...เรามีเวลาได้สนทนากันอย่างออกรสชาติ ท่ามกลางบรรยากาศลมเย็นสบาย...เรื่องราวเริ่มจากเรื่องสนุกสนานสรรพเพเหระในวงกินดื่ม เรื่องราวชีวิต การต่อสู้ ความเชื่อ ปรัชญาในการใช้ชีวิต ก็ไหลพรั่งพรูออกมาราวกับว่า ผู้เขียนรู้จักกับ "พี่ตี๋" มานานแสนนาน...
...เมื่อการคุยออกรสชาติ และมีเรื่องราวที่น่าสนใจ ผู้เขียนก็ยิงคำถามทันที "พี่ตี๋ลองบอกแนวทางในการใช้ชีวิตให้ผมฟังหน่อยสิครับ ขอแค่ ๓ คำนะครับ, ๓ คำที่บ่งบอกความเป็นตัวพี่ได้"...คำตอบนั้นออกมาจากปากทันทีว่า "เพื่อน...ศักยภาพ...และจริงใจ" และ แน่นอนครับว่า ผู้เขียนก็อยากรู้ว่าความหมายที่ชายคนนี้ให้ความสำคัญกับ ๓ คำ นั่นคืออะไร ตามมาฟังกันครับ...
..."เพื่อน" คำที่ "พี่ตี๋" ยกขึ้นมาเล่าให้ฟังเป็นคำแรก...คนเราเป็นสัตว์สังคม ต้องมีเพื่อน ถ้าไม่มีเพื่อน ก็คงจะอยู่กันลำบาก...เพราะเราต้องอาศัยคนอื่นในบางเรื่อง และ ในทางตรงกันข้าม เราก็จะเป็นที่พึ่งให้กับคนอื่นๆ ได้เช่นกัน...ดังนั้น การคบเพื่อนของ "พี่ตี๋" จึงเป็นเรื่องที่เขาให้ความใส่ใจ เพราะคนเรากว่าจะได้รู้จักกัน กว่าจะเป็นเพื่อนกัน มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเข้าใจกัน ต้องดูแลความรู้สึกกัน และ ยอมรับกัน...
...."ศักยภาพ"..."ผมรู้ว่าผมทำอะไรได้ ผมรู้ว่าผมมีประโยชน์อะไรบ้าง ผมต้องพยายามทำให้เต็มที่เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนอื่น ให้กับสังคมให้ได้มากที่สุดเท่าที่แรงผมมี" เป็นคำบอกเล่าที่พรั่งพรูออกมาพร้อมด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความมุ่งมั่นจริงใจ...คนเราถ้ารู้จักตัวเองว่ามีความรู้ มีความสามารถอะไร และใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างไร อย่างมีคุณธรรมด้วยนะครับ โลกนี้คงน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ...
..."ความจริงใจ" คำสุดท้ายที่ขมวดจบลง ด้วยประโยคสั้นๆ จากปากพี่ตี๋ "ถ้าคุณไม่จริงใจ คุณก็ไม่มีเพื่อน...ถ้าคุณมีเพื่อน และคุณช่วยเพื่อน แต่คุณไม่จริงใจ ไม่นานเพื่อนๆ คุณก็จะหายไป...แต่ถ้าคุณจริงใจ คุณก็จะถูกห้อมล้อมด้วยเพื่อน และ ศักยภาพของคุณก็จะถูกดึงออกมาใช้"...
...การมีเพื่อนเป็นเรื่องไม่ยาก หากแต่เราต้องมีศักยภาพ และ ความจริงใจ...จบลงอย่างสวยงามมั๊ยล่ะครับ...
...การสนทนายังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเหมือนจะไม่มีวันจบ เพราะประสบการณ์ มุมมองของชายคนที่ชื่อ "พี่ตี๋" ยังมีอีกมากมายที่น่าฟัง และ น่าค้นหา...นี่เป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้นครับ ผู้เขียนคงได้มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้อีกแน่นอนครับ...
หมายเหตุ ขอบคุณ "พี่ตี๋" สำหรับเรื่องราวดีๆ ครับ
วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2561
ชีวิตยืนยาวและมีความสุข IKIGAI
...เช้านี้ตื่นมา เห็นหนังสือเล่มนึงวางอยู่ที่โต๊ะ ผู้เขียนสั่งซื้อมาจากร้านแห่งหนึ่งทางออนไลน์ เพราะสะดวกในการจัดการชีวิตตัวเองครับ...IKIGAI ออกเสียงว่า อิคิไก...ลองออกสำเนียงแบบญี่ปุ่นดูครับ...นั่นงัย สัมผัสกลิ่นไอของแดนซามูไรเข้าไปแล้ว...เกริ่นนำของหน้าปกเขียนไว้ว่า "ความลับของชาวญี่ปุ่น ในการมีชีวิตที่ยืนยาว และ มีความสุข"...น่าสนใจมั๊ยล่ะครับ...ความสุขหาไม่ยากครับ หาจากสิ่งรอบๆ ตัว และ สิ่งที่อยู่ภายในตัวของเรา ตรงนี้ ก็แล้วแต่จริตของแต่ละคนล่ะครับ ว่าท่านชอบความสุขจากปัจจัยภายใน หรือภายนอก...หรือว่าจะผสมปนเปกันไปทั้งภายในและภายนอก...ก็ว่ากันไป...
...เวลาผมเลือกหนังสือ ผมชอบที่จะเริ่มต้นจากสารบัญครับ เพื่อดูภาพรวมของเนื้อหา การวางโครงสร้างการเล่าเรื่องราว ความเชื่อมโยง...อย่างน้อยที่สุดจะได้ตอบสนองความอยากอ่านของตัวเองก่อนว่าจะเหมาะกับการใช้เวลาอ่านจริงหรือเปล่า...
...หนังสือเล่มนี้ มีหัวข้อหลายๆ หัวข้อที่สะดุดตา สะดุดใจผู้เขียนเป็นอย่างยิ่ง...ผู้เขียนแปลจากภาษาอังกฤษนะครับ ควรใช้วิจารณญาณอย่างที่สุดในการอ่านและตีความ ฮ่าๆๆๆ...ตัวอย่าง เช่น...
...ศิลปะของการมีชีวิตอย่างหนุ่มสาว ในขณะที่เริ่มสูงวัย...
...สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เราไม่ควรมองข้าม ในการมีชีวิตที่ยืนยาว และมีความสุข...
...จะใช้การทำงาน และ เวลาว่าง เพื่อการเติบโตได้อย่างไร...
...จะเผชิญกับความท้าทายของชีวิต โดยปราศจากความเครียดและความกังวลเรื่องอายุ ได้อย่างไร...
นี่แค่หัวข้อส่วนนึงนะครับ เนื้อหาในเล่ม คงจะเข้มข้นพอสมควร แต่แค่อ่านผ่านๆ กลับอ่านง่าย เข้าใจง่าย ไม่เครียด (ก็แหงล่ะ หนังสือเกี่ยวกับการลดความเครียดของชีวิต ถ้าอ่านแล้วเครียด ก็วางลงได้เลย...)...
...หนังสือเล่มนี้ จะเป็นเพื่อนผู้เขียนในช่วงพักผ่อน ล่องใต้ ไปรับลมทะเลซักสองสามวันครับ...
...ความสุขอยู่ที่เรานิยาม และ ทำสิ่งที่นิยามให้เป็นความจริงครับ...
วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2561
สวัสดีจากเวียงจันทน์
...นับตั้งแต่ปี ๒๕๕๖ จนถึงปัจจุบัน ก็นับเวลารวมได้ ๕ ปี กับการทำงานที่ประเทศลาว ห้าปีช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกับ ๕ วันเพิ่งผ่านไป...ห้าปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่า และ มีความทรงจำที่ดีๆ ที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้า...เพื่อนสนิท มิตรสหาย พี่น้อง ที่ดูแลกันมาตลอด ทำให้ข้าพเจ้าได้เปิดมุมมองได้กว้างขึ้น และ ลึกซึ้งตามแรงสติปัญญาของข้าพเจ้าจะสามารถทำได้...นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ข้าพเจ้าจะได้เล่าเรื่องราวที่ทรงคุณค่าเพื่อแลกเปลี่ยนกันอย่างทั่วถึง...
วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2561
ສູດສຳເລັດນັ້ນມີຫຼາຍ ແຕ່ຈະສຳເລັດບໍ່ ນັ້ນແມ່ນອີກເລື່ອງໜຶ່ງ...ຕອນທີ່ 11
...C ຕົວສຸດທ້າຍ ແມ່ນ Continuity ໝາຍເຖີງ ຄວາມຕໍ່ເນື່ອງ...
...ຈາກມຸມມອງຂອງຜູ້ຂຽນ "ຄວາມຕໍ່ເນື່ອງ" ເປັນປັດໄຈສຳຄັນທີ່ຈະເຮັດໃຫ້ການເຮັດສິ່ງໃດກໍຕາມ ສາມາດບັນລຸຕາມເປົ້າໝາຍທີ່ຕັ້ງໄວ້ໄດ້...
...ຄວາມຕໍ່ເນື່ອງ ໝາຍເຖີງ ການສືບຕໍ່ ການເຮັດໄປຢ່າງບໍ່ຢຸດ...
...ເຮົາມາເບິ່ງກັນວ່າ 3C ຍາມເອົາມາເປັນແນວຄິດພື້ນຖານໃນການເຮັດກິດຈະກຳຫຍັງກໍຕາມ ບໍ່ວ່າຊີແມ່ນເລື່ອງຊີວິດ ເລື່ອງຄວາມຮັກ ເລື່ອງການງານ ເຮົາກໍຈະພົບວ່າ ທັ້ງສາມສ່ວນປະສົມປະສານຢ່າງລົງຕົວ...
ການມີ "ຄວາມຈະແຈ້ງ" ວ່າຈະເຮັດຫຍັງ ເພື່ອໃຫ້ບັນລຸຫຍັງ ກໍມີຄວາມສຳຄັນຫຼາຍ ເປັນການວາງຈຸດທີ່ເຮົາຈະຕ້ອງໄປໃຫ້ຮອດ...
ການວາງ "ບາດກ້າວທີ່ແທດເໝາະ" ກໍຈະເປັນການເຮັດໃຫ້ເຮົາຮູ້ວ່າຕ້ອງເຮັດຫຍັງ ເຮັດແນວໃດ ມີຄວາມຖີ່ ຄວາມຫ່າງຂອງການເຮັດໄລຍະສັ້ນ-ຍາວເທົ່າໃດ ເພື່ອໃຫ້ໄປຮອດເປົ້າໝາຍ ເພື່ອໃຫ້ບັນລຸເປົ້າໝາຍ...
ແລະ ເພື່ອໃຫ້ທຸກຢ່າງເປັນໄປຕາມທີ່ວາງແຜນໄວ້ ແມ່ນຕ້ອງມີ "ຄວາມຕໍ່ເນື່ອງ" ທີ່ຈະເປັນຕົວຂັບເຄື່ອນບາດກ້າວໃຫ້ເປັນໄປໄດ້ຈິງ...
...ຄວາມຕໍ່ເນື່ອງ ຕ້ອງອາໄສສິນລະປະໃນການບໍລິຫານຄືກັນ ຕົວຢ່າງ ຢາມເຮົາພົບພໍ້ບັນຫາ ເຮົາຈະແກ້ໄຂແນວໃດ, ຢາມເຮົາພົບກັບສິ່ງທີ່ບໍ່ຄາດໝາຍມາກ່ອນ ທັ້ງດີ ແລະ ບໍ່ດີ ເຮົາຈະຈັດການແນວໃດ...ເປັນຄວາມທ້າທາຍທີ່ສຸດ ເພື່ອບໍ່ໃຫ້ເກີດການຢຸດ...ແນວທາງໜຶ່ງທີ່ຜູ້ຂຽນມັກໃຊ້ຢາມພົບກັບຄວາມທ້າທາຍ ຜູ້ຂຽນຈະຖາມຕົວເອງວ່າ "ເປົ້າໝາຍຂອງເຮົາແມ່ນຫຍັງ, ເຮົາຕ້ອງການເຫັນຫຍັງເກີດຂຶ້ນ" ເຮົາກໍຈະບໍ່ຫຼົງທາງ ແລະ ກັບເຂົ້າຫາແນວທາງຂອງເຮົາໄດ້...
...ລອງເຮັດເບິ່ງເດີ້...ຂໍ້ຄິດງ່າຍໆ ມີຢູ່ຫຼາຍ ມັນຈະເກີດປະໂຫຍດກໍຕໍ່ເມື່ອເຮົາໄດ້ລົງມືປະຕິບັດແລ້ວເທົ່ານັ້ນ ແລະຈະເຫັນຄວາມປ່ຽນແປງໂດຍຕົວທ່ານເອງ ...
วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2561
ສູດສຳເລັດນັ້ນມີຫຼາຍ ແຕ່ຈະສຳເລັດບໍ່ ນັ້ນແມ່ນອີກເລື່ອງໜຶ່ງ...ຕອນທີ່ 10
...Consistency ແປວ່າ ຄວາມສະໝ່ຳສະເໝີ ເຊິ່ງໝາຍເຖີງ ການເຮັດຫຍັງກໍຕາມ ຈະຕ້ອງມີຈັງຫວະ ມີໄລຍະເວລາທີ່ແທດເໝາະ ບາງທ່ານບອກວ່າຕ້ອງມີ movement ຜູ້ຂຽນມັກຈະໃຊ້ຄຳວ່າ "ບາດກ້າວ"...
..."ບາດກ້າວ" ຈະເປັນຕົວກຳນົດວ່າ ເຮົາຈະເຮັດໃນຍາມໃດ ເຮັດດົນປານໃດ ແລະ ຈະເຮັດໃຫ້ໄດ້ຜົນຫຍັງເກີດຂຶ້ນ ເພື່ອທີ່ຈະເຊື່ອມໂຍງຕໍ່ໄປຫາກິດຈະກຳຕໍ່ໄປ...
...ສົມທຽບກັບການວາງແຜນການເດີນທາງໄປຍັງຈຸດໝາຍໃດໜຶ່ງ ເຮົາກໍຈະກຳນົດວ່າ ເຮົາຈະອອກຈາກຈຸດທີ່ໜຶ່ງ ໄປຫາຈຸດທີ່ສອງ ຈະໃຊ້ເວລາໜ້ອຍຫຼາຍເທົ່າໃດ ຕ້ອງການໃຫ້ເກີດຫຍັງຂຶ້ນແດ່ ໃນລະຫວ່າງທາງ...ແລະ ຈາກຈຸດທີ່ສອງ ໄປຫາຈຸດທີ່ສາມ ແລະ ຕໍ່ໆ ໄປຈົນຮອດຈຸດໝາຍ...ເຮົາກໍເຮັດຕາມທີ່ກຳນົດໄວ້ ນີ້ລ່ະ ທີ່ຮ້ອງວ່າ "ບາດກ້າວ"...
...ແລະກໍແນ່ນອນວ່າ ການທີ່ຈະໄປຢ່າງມີບາດກ້າວນັ້ນ C ຕົວທີ່ສາມ ກໍຈະເປັນຕົວຊ່ວຍໃຫ້ບາດກ້າວມີຄວາມຕໍ່ເນື່ອງ ແລະ ບັນລຸກັບເປົ້າໝາຍທີ່ກຳນົດໄວ້...Continuity ນັ້ນເອງ...
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
บทความที่มีผู้เข้าอ่านมากที่สุด
-
...ມີຫຼາຍເທືອທີ່ມີນ້ອງໆ ມາຖາມຜູ້ຂຽນວ່າ " ອາຈານ ເຮົາຊີຮູ້ໄດ້ແນວໃດ ວ່າເຮົາພັດທະນາຕົວເອງຮອດຂັ້ນໃດແລ້ວ...ທັ້ງໆ ທີ່ຕັ້ງຕົວວັດແທກ ແລະ ຄວ...
-
ສິ່ງທີ່ຕ້ອງປະເມີນໃນເລື່ອງວັດທະນະທຳອົງກອນ . ..ເນື້ອໃນຂ້າງລຸ່ມນີ້ ມາຈາກຕອນທີ່ເວົ້າເຖີງເລື່ອງນີ້... " ວັດທະນະທຳອົງກອນ"... ...
-
ທັກສະຂອງຜູ້ໃຫ້ຄຳແນະນຳທີ່ມີປະສິດທິຜົນ ... “ ອາຈານ ຫົວໜ້າໃຫ້ນ້ອງເປັນຜູ້ໃຫ້ຄຳແນະນຳກັບໂຄງການຂະໜາດນ້ອຍທີ່ຮັບທຶນຈາກໂຄງການ ແຕ່ນ້ອງຍັງບໍ່ໝັ້ນ...
-
ການສື່ສານທີ່ມີປະສິດທິຜົນ ...ຜູ້ຂຽນເຫັນສະໄລ້ແຜ່ນນີ້ແລ້ວເຫັນວ່າ ມັນສາມາດອະທິບາຍຂະບວນການເຮັດວຽກໂຄງການ ຜ່ານການສື່ສານທີ່ມີປະສິດທິພາບ ປະສິ...
-
ທັກສະທີ່ຈຳເປັນສຳລັບຜູ້ໃຫ້ຄຳແນະນຳທີ່ມີປະສິດທິຜົນ .. . “ ສະບາຍດີອາຈານ ບໍ່ໄດ້ພົບກັນດົນແລ້ວນໍ້ ” ...ສຽງທັກທາຍຂອງລູກສິດ... “ ນ້ອງຄາວຽກຫຼາຍແດ...
-
..."ອາຈານ ຄົນທຸກມື້ນີ້ເວົ້າບໍ່ຄ່ອຍຄິດໜ້າ ຄິດຫຼັງເນາະ ເວົ້າໄວ ປາກໄວ ຄົນຟັງກໍຮູ້ສຶກບໍ່ຄ່ອຍດີໄປນຳ"...😒 ..."ໂດຍ...ເຫັນດີນຳ...
-
ບົດສົນທະນາລະຫວ່າງລູກສິດກັບອາຈານ ໃນເວລາອາຫານທ່ຽງຂອງວັນໜຶ່ງ... ລູກສິດຖາມອາຈານ "ອາຈານ...ມີທາງລັດແດ່ບໍ່ ທີ່ຈະເຮັດໃຫ້ເຮົາປະສົບຄວາມສຳເລັດໃນ...
-
? ທ່ານເຄີຍຕັ້ງຄຳຖາມແບບນີ້ກັບຕົວເອງບໍ່ ຖ້າຄິດຢາກຈະພັດທະນາອົງກອນ ... 1. ...ການພັດທະນາອົງກອນ ຈຳເປັນ ຫຼື ບໍ່ຈຳເປັນ...? 2. ...ການພັດທະນາອ...
-
😍 ...ປັນຮັກ...ຮັກຫຼາຍແທ້ບໍ້...ຫຼາຍຈົນໄດ້ປັນໃຫ້ກັນນໍ້... ...ວັນນີ້ຜູ້ຂຽນແລະທີມງານຄຸນນະພາບ 😉 ໄດ້ມີໂອກາດໄປຍ່ຽມຢາມ "ສວນປັນຮັກ" ...
-
...ຄິດໄປຄິດມາ ຕາຍລ່ະ😓 ປີນີ້ຍັງບໍ່ໄດ້ໄປກວດສຸຂະພາບເລີຍ ທັ້ງໆ ທີ່ຮູ້ວ່າ ການກວດສຸຂະພາບປະຈຳປີເປັນເລື່ອງທີ່ດີ ແລະ ອາຍຸປະມານສ່ຳເຮົານີ້ ກໍຖືວ່າຈຳເ...